วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ที่สุดของสัตว์

ที่สุดของสัตว์

วัวที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก


เจ้าวัวตัวนี้มันตัวใหญ่พอๆกับช้างขนาดเล็กเลย มันมีชื่อว่า Chilli วัวหนุ่มยักษ์ตัวนี้สูงถึง 6 ฟุต 6นิ้ว และมีน้ำหนักเกิน 1 ตันซะอีก


กบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก



กบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กบยักษ์ในทวีปอัฟริกัน พันธุ์ Goliath frog มีลำตัวยาว 1 ฟุต (30 เซนติเมตร) และหนัก 3.3 กิโลกรัม


แมงมุมตัวใหญ่ที่สุดในโลก ( Biggest spider )


Goliath bird-eating spider แมงมุมโกไลแอทกินนก หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Theraphosa blondi แมงมุมโกไลแอท เป็นหนึ่งในแมงมุมทารันทูล่า ( Tarantula ) เป็นแมงมุมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มาของชื่อ โดยชื่อแมงมุมกินนก นั้นมาจากตอนที่ Victorian era ที่ค้นพบมันตอนที่กำลังกินนก ฮัมมิงเบิร์ด ( Hummingbird )

 

 หนอนผีเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในโลก


Hickory Horned Devil หนอนผีเสื้อ เขาปีศาจ ฮิคโครี่ เป็นหนอนผีเสื้อ ที่ ใหญ่ที่สุดในโลก หนอนผีเสื้อนี้เป็นตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืน ที่ชื่อว่า Regal moth ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Citheronia regalis ) หนอนผีเสื้อนี้มีความยาวประมาณ 12.5 – 14 เซ็นติเมตร ลำตัวมีสีเขียว มีเขาสีส้มบริเวณหัว


นกเป็ดน้ำสัตว์ปีกที่มีอวัยวะเพศยาวที่สุดในโลก


นกบ้ากาม

มันน่าจับมาตอน แล้วนำมาทำเป็นเป็ดปักกิ่งนัก เจ้า นกเป็ดน้ำอาร์เจนไตน์( Argentine Lake Duck ) ถึงได้กระทำย่ำยีเป็ดสาวๆได้

รายละเอียด เกี่ยวกับ นกเป็ดน้ำอาร์เจนไตน์

๏ พวกมันเป็นเป็ดขนาดเล็ก มีน้ำหนักประมาณ 640 กรัม ยาวประมาณ 40 เซ็นติเมคร แต่นั้นก็ไม่ทำให้มันรู้สึกว่าเป็นปมด้อย เนื่องจากมันมี อวัยวะเพศ ที่ยาวพอๆกับความยาวร่างกายของมัน ซึ่งถือว่าพวกมันเป็น นก ที่ อวัยวะเพศยาวที่สุดในโลก

๏ นกเป็ดน้ำ มี ถิ่นที่อยู่อาศัยใน ชิลี อาร์เจนติน่า เมื่อถึงฤดูหนาวจะอพยพไปทางใต้ของบราซิล และปารากวัย(Paraguay)

๏ โดยมีทฤษฎีว่า การที่พวกมันมี อวัยวะเพศยาว แถมเป็นเกลียว แถมยังมีขนที่สวนปลายของ อวัยวะเพศ ก็เนื่องจากพวกมันวิวัฒนาการอวัยวะเพศของมันไว้สำหรับเป็นแปรงไว้สำหรับกำจัด สเปริ์ม(น้ำอสุจิ ของ นกเป็ดน้ำตัวอื่น ที่มาอึ๋บเป็ดสาวก่อนหน้ามัน)

๏ บ้างกล่าวว่าเนื่องจาก ตัวเมียมีช่องคลอดที่มีลักษณะเป็นเกลียวยาวแต่หมุนทวนทิศกับ อวัยวะเพศของเพศผู้ ทำให้เพศผู้ที่มีอวัยวะเพศยาวที่สุดมีโอกาส ประสบความสำเร็จในการผสมพันธุ์มากที่สุด

๏ นกเป็ดน้ำอาเจนไตน์ เพศผู้ยังมีนิสัยที่ไม่ดี ที่มนุษย์เราไม่ควรเอาอย่างก็คือ ชอบใช้กำลังข่มขืนตัวเมีย


ค้างคาวที่เล็กที่สุดในโลก


ค้างคาวกิตติ Kitti’s Hog-nosed Bat (Craseonycteris thonglongyai) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก (โดยน้ำหนัก) โดยมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยประมาณ 2 กรัม มีความยาวปีกเหยียด 2 ข้าง (wingspan) ประมาณ 15 ซม. ความยาวแขนช่วงข้อมือถึงข้อศอก (forearm) ประมาณ 25 มม. หน้ามีจุดเด่นที่จมูกขนาดใหญ่มองดูคล้ายจมูกหมู ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “Hog-nosed Bat” ขนตามลำตัวค่อนข้างยาว สีขนมีทั้งที่เป็นสีเทา และสีน้ำตาล กินแมลงเป็นอาหาร โดยจะออกไปหากินนอกถ้ำเพียงวันละ 2 ครั้ง คือในตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง และตอนเย็นหลังพระอาทิตย์ตกประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง และใช้เวลาถึงวันละประมาณ 23 ชั่วโมงอาศัยอยู่ในถ้ำ

ค้างคาวกิตติถูกค้นพบเป็นครั้งแรกที่ถ้ำวังพระในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ในปี พ.ศ. 2516โดย คุณกิตติ ทองลงยา นักอนุกรมวิธานชาวไทย ซึ่งหลังจากได้มีการตรวจสอบและทบทวนเอกสารทางด้านอนุกรมวิธานแล้ว จึงได้รับการประกาศเป็นชนิดใหม่ของโลก (new species) ในปี พ.ศ. 2517 พร้อมๆ กับการประกาศยอมรับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก (โดยน้ำหนัก)

เมื่อเริ่มแรกที่มีการค้นพบค้างคาวกิตติ เชื่อกันว่าค้างคาวกิตติเป็นสัตว์ถิ่นเดียวมีการกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะทางตะวันตกของประเทศไทย บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2544 มีการพบประชากรค้างคาวกิตติทางตะวันออกของประเทศพม่าด้วย โดยประชากรค้างคาวกิตติที่พบทั้งในไทยและพม่ามีรูปร่างลักษณะภายนอกเหมือนกัน แต่พบความแตกต่างกันในเรื่องของการใช้คลื่นเสียงในการนำทางหรือกำหนดทิศทาง (echolocation) ซึ่งต้องการการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของทั้งสองประชากรต่อไป

ค้างคาวกิตติมีลูกในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ลูกจะอาศัยเกาะอกแม่ จนกระทั่งสามารถออกไปเกาะอยู่อิสระและบินออกไปหากินได้ด้วยตัวเอง ในขณะที่ลูกค้างคาวยังช่วยตัวเองไม่ได้และแม่ค้างคาวออกไปหากิน มันจะทิ้งลูกเกาะไว้ในถ้ำ จากการสำรวจถ้ำในเขตจังหวัดกาญจนบุรี พบค้างคาวกิตติจำนวน 35 ถ้ำ ซึ่งส่วนใหญ่กระจายอยู่ในเขตอำเภอไทรโยคมากถึง 23 ถ้ำ (ประมาณ 66% จากจำนวนถ้ำทั้งหมดที่พบ) ส่วนที่เหลือพบในเขตอำเภอทองผาภูมิ ท่าม่วง และอำเภอเมือง จำนวน 7, 2 และ 3 ถ้ำ ตามลำดับ

สำหรับภัยคุกคามต่อประชากรค้างคาวกิตตินั้นมีทั้งการล่าค้างคาวโดยตรง และการใช้ประโยชน์ในถ้ำที่อยู่อาศัยของค้างคาวไม่ว่าจะเป็นการพักแรม การอยู่อาศัย การประกอบพิธีกรรม การท่องเที่ยว การเก็บ-ขุดปุ๋ยขี้ค้างคาว การขุดถ้ำ การสูบน้ำในถ้ำ ล้วนมีผลทำให้จำนวนประชากรและการปรากฏตัวของค้างคาวกิตติมีแนวโน้มลดลงเมื่อมีการรบกวนภายในถ้ำเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่รอบๆ ถ้ำ ก็เป็นอุปสรรคต่อการใช้พื้นที่หากิน เนื่องจากค้างคาวกิตติหลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่บางลักษณะ เช่น พื้นที่โล่งกว้างอย่างไร่มันสำปะหลัง


เต่ามะเฟืองเต่าที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก

เต่ามะเฟืองถือเป็นเต่าทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันมีความยาวถึง 8 เมตรและหนักมากถึง 2,000 ปอนด์เลยทีเดียว มันยังดำน้ำได้ลึกที่สุดคือ 1,200 เมตรเพื่อตามล่าแมงกะพรุน เต่ามะเฟืองสามารถพบได้ในมหาสมุทรแอตแลนติก แปซิฟิก และอินเดีย และอาจจะพบได้เหนือสุดที่เมือง บริติชโคลัมเบียและใต้สุดที่ประเทศอาเจนติน่า พวกมันมักจะมีการอพยพไปมาในมหาสมุทรแอตแลนติกหรือแปซิฟิกเพื่อหากินและออกไข่ จำนวนประชากรของมันลดลงมากในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการลักลอบขโมยไข่และบริโภคเนื้อเป็นอาหาร การทำลายแหล่ง วางไข่จากการพัฒนา(ด้านธุรกิจ)บริเวณหน้าหาด การเปลี่ยนเพศของลูกที่เกิดจากแสงที่มาจากโรงแรมหรืออื่นๆ การติดอวนประมงโดยบังเอิญ และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ในปี 1980 การคาดการณ์จำนวนประชากรตัวเมียที่ขึ้นมาวางไข่ทั่วโลกอยู่ที่ 115,000 ตัว แต่ในปัจจุบันตัวลดลง เหลือ 26,000-43,000 ตัวเท่านั้น


แมวที่สูงที่สุดในโลก


Scarlett’s Magic สการ์เล็ทท์ เมจิก เป็นแมวพันธุ์ เอฟวัน ซาวันนาห์ (F1 Savannah Cat) วัย 18 เดือน ที่ได้สร้างสถิติโลกใหม่สำหรับแมวบ้านที่ สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงวัดจากไหล่ถึง เท้า 43 เซ็นติเมตร และขณะสการ์เล็ทท์ รอการยืนยันอีกตำแหน่ง ว่า เป็น แมว ที่ ยาวที่สุดในโลก แต่ตอนนี้เอาตำแหน่ง แมว สูงที่สุดในโลก ไปละกัน


ตบท้ายด้วยหมูที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก

พิพิธภัณฑ์การเกษตรและกสิกรรมของจังหวัดLiaoningซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ได้ยื่นคำร้องต่อGuinness Book of Recordsให้บันทึกหมูที่มีน้ำหนักตัวถึง900กิโลกรัมตัวนี้ให้เป็นหมูตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา หลังจากที่มันได้ตายไปเมื่อวันที่5กุมภาพันธ์ ตอนที่มันตายนั้น มันมีความยาวถึง2.5เมตร มีรอบเองถึง2.23เมตร และเขี้ยวยาว14.4เซนติเมตร
ตามที่Xu Changjin ชาวนาเมืองWafangdianได้บอกว่า หมูตัวนี้มีอายุแค่5ปีเท่านั้น และตลอดเวลาที่มันมีชีวิตอยู่ เค้าได้เลี้ยงมันด้วยอาหารคุณภาพอย่างดี

10 อันดัลสัตว์เลี้ยงที่หายากที่สุดในโลก

10 อันดัลสัตว์เลี้ยงที่หายากที่สุดในโลก


1.

Okapi โอกาปีเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกีบเท้าคู่ที่อาศัยอยู่ใน ป่าฝนอิทูรี่ ในประเทศคองโก ทวีปเเอฟริกากลาง ดูๆแล้วละม้ายคล้าย ม้าลายผสมกับ ยีราฟเนอะ แต่มีข้อมูลบอกว่าจริงๆแล้วถึงตัวของมันจะมีลายแต่มันเป็นญาติใกล้ชิดกับ ยีราฟมากกว่า ส่วนลักษณะทางกายภาพนั้น คือเพศผู้จะมีเขา เพศเมียจะไม่มีเขา

2.

Tarsiers ทาร์เซียจัดเป็นไพรเมตที่มีจมูกแห้ง เป็นสัตว์เฉพาะถิ่น ที่ปัจจุบันเหลืออยู่จำนวนน้อยพบกระจายอยู่เฉพาะที่เกาะบอร์เนียว, สุมาตรา, สุลาเวสี ในประเทศอินโดนีเซีย และหมู่เกาะฟิลิปปิน ทาร์เซียมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากไพรเมตจำพวกอื่นคือมีขนาดเล็กมากโดยมี น้ำหนักตัวเพียง 80-150 กรัม ขนาดความยาวลำตัวไม่นับหางราว 5 นิ้วเท่านั้น แต่มีหางที่เรียวยาวเป็น 2 เท่าของความยาวลำตัว มีเบ้าตาขนาดใหญ่มาก มีกระดูกข้อเท้าหลังที่ยาวใช้ในการกระโดดและกระโดดได้ไกล มีนิ้วมือเรียวยาวมาก และมีเล็บแบน เว้นแต่นิ้วที่ 2-3 จะมีกรงเล็บ และสามารถหมุนคอได้ 180 องศา ส่วนใหญ่อาศัยโดยเกาะอยู่ตามต้นไม้ กินแมลงเป็นอาหาร และหากินในเวลากลางคืน

3.

ปูเยติ ( Yeti Crab ) จะ มีขนสีขาวปกคลุมบริเวณ ก้าม และขาของปู ซึ่งทำให้มันเหมือนกับตัวเยติ ( Yeti ) แห่งยอดเขาฮิมาลัย ( Himalaya ) ซึ่งเป็นที่มาขอชื่อ " ปูเยติ " ซึ่งทำให้มันไม่เหมือนกับสี่งมีชีวิตอื่นๆ มันถูกค้นพบในทะเลลึก ของมหาสมุทรแปซิฟิก(South Pacific) ห่างไปทางใต้ของเกาะอีสเตอร์ 1500 กิโลเมตร ในน่านน้ำของประเทศชิลี

4.

Golden Tabby Tiger รูปแบบสีหายากมากที่เกิดจากยีนด้อย ประมาณ 30 สายพันธุ์ ที่มีความเชื่อมั่นอยู่ในโลก และหายากมากๆ

5.

Glaucus atlanticus หรือสัตว์ที่ถูกเรียกว่า มังกรน้ำเงิน ( The Blue Dragon ) มาฝากให้ชมกันครับ Glaucus atlanticus เป็นสัตว์จำพวกหอยและปลิง ที่หาพบได้ยากที่สุด และ มีความสวยงามมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตัวมันจะไม่ใหญ่มากประมาณ 3-4 เซติเมตร เท่านั้นเอง รูปร่างหน้าตาก็อย่างที่เห็น เหมือนมังกรในเทพนิยาย หรือ การ์ตูนเลยทีเดียว มันกินสัตว์มีพิษขนาดเล็กเป็นอาหาร โอกาสที่จะเจอมันตัวเป็นๆนั้นยากมากๆครับ ต้องรอจังหวะที่ลมพัดเข้าหาฝั่ง ประจวบกับตอนมันมากินเหยื่อใกล้ๆ แล้วถูกน้ำพัดเข้ามาเท่านั้นเอง แปลกดี ลองไปดูกัน

6.

Red Wolf หมาป่าชนิดนี้มีขนาดเล็ก และ ผอมกว่าหมาป่าสีเทา พื้นที่ที่มันอาศัยอยู่มีขนาดถึง 1.7 ล้านเอเคอร์นับจาก ฟอลริด้า และเท็กซัส ถึง Calorina(ใหญ่กว่าป่าร้อยเอเคอร์ในหมีพูห์เป็นไหนๆ)ตอนเหนือในปี 1980 มีเพียง 20 ตัวเท่านั้นที่ไม่ใช่พันธุ์ทางปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 207 ตัว และ 100 กว่าตัวอยู่ในพื้นที่ป่า

7.

Iberian Lynx มัน เป็นหนึ่งในแมวที่ใกล้สูญ พันธุ์มากที่สุด 36 สายพันธุ์ มันถูกฆ่าด้วยกับดักที่ใช้ดักกระต่ายบ่อยๆ หรือไม่ก็ ถูกรถชน รัฐบาลสเปนศึกษาในปี 2005 พบว่าเหลือเพียง 103 ตัวเท่านั้นลดลงมาจาก 400 ตัวในปี 2000 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

8.

Northern Hairy-nosed Wombat ใน ศตวรรษที่19วอมแบตชนิดนี้พบได้ใน New South Wales และ Victoria แต่ปัจจุบันพบในอุทยานเล็กๆใกล้กับ Epping Forest Station ในรัฐควีนแลนด์ ออสเตรเลีย ซึ่งถูกสงวนไว้ ปัจจุบันเหลือประมาน 133 ตัวเท่า นั้น รัฐบาลออสเตรเลียได้ให้งบในการขยายพันธุ์ไว้ 250000 เหรียญต่อปี

9.

Hispid hare หรือ อีกชื่อหนึ่ง bristly rabbit พบบริเวณภูเขาหิมาลัย หูสั้น ขาหน้าและขาหลังมีขนาดไม่ต่างกันมาก เหลือเพียงประมาณ 100 กว่าตัวเท่าที่พบ

10.

Javan Rhino แรด ชนิดหนึ่งเหลือเพียงไม่ถึง 60 ตัวพบได้ในอินโดนิเซียและเวียดนาม มันถูกผู้คนในท้องถิ่นล่าเพื่อนำเขาของมันไปขาย หรือทำยา มันเสี่ยงต่อโรคระบาดมาก จึงเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่ง

10 อันดับ สัตว์เลี้ยงแปลกๆ ราคาโคตรแพง


10.DeBrazza’s Monkey ราคา 200,000+ บาท 

 

9.Striped Ball Python ราคา 300,000+ บาท 

 

8.Reticulated Albino Type II Tiger Python ราคา 450,000 บาท 

 

7.Palm Cockatoo ราคา 480,000 บาท 

 

6.Lavender Albino Python Female ราคา 550,000 บาท 
 

5.Blue Mutation Yellow-naped Amazon ราคา 600,000 บาท 

 

4.Chimpanzee ราคา 1,800,000+ บาท 

 

3.Stag Beetle ราคา 2,500,000+ บาท (พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์) 

 

2.White Lion Cubs ราคา 4,000,000+ บาท (พันธุ์แท้) 

 
1.Platinum Arowana ราคา 9,500,000 บาท
 

10 อันดับสัตว์เลี้ยงที่ทำให้เราอารมณ์ดี

10 อันดับสัตว์เลี้ยงที่ทำให้เราอารมณ์ดี

10.ม้าแคระ

ม้าแคระถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่พวกเจ้าขุนมูลนายชอบเลี้ยงกันมากในสมัยก่อน ซึ่งมันเป็นมิตรมากกับมนุษย์และสัตว์ชนิดอื่นๆ และก็มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับมนุษย์ เป็นสัตว์ที่สามารถใช้แรงงานได้และก็ช่วยเหลือมนุษย์ได้หลายๆเรื่องด้วยกัน 


9.หมูตัวน้อยๆ

หมูตัวน้อยๆเหมาะสำหรับเป็นสัตว์เลี้ยงภายในบ้านของเรา ซึ่งเป็นหมูที่ชอบรักษาความสะอาดและมีสุขอนามัยมาก ซึ่งมันอาจจะมีนิสัยกลัวกับคนแปลกหน้าอยู่บ้าง แต่ยังไงก็ถือว่าทำให้เราอารมณ์ดีได้เมื่อได้ยินเสียงร้องหรือวิ่งเดินเล่นตุๆ


8.หนูตะเภา

หนูตะเภาเป็นสัตว์สายพันธุ์ที่ดูเหมือนจะผสมกับหมูกับหนูเข้าด้วยกัน ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นที่นิยมมากสำหรับสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ที่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็กๆ ทั้งยังดูแลง่าย และก็เชื่องว่านอนสอนง่ายกับมนุษย์ 



7.แฮมสเตอร์

แฮมสเตอร์ก็เป็นสัตว์ประเภทหนึ่งที่คล้ายๆกับหนู และก็เป็นที่นิยมนำมาเลี้ยงในบ้าน แฮมสเตอร์ถือเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมเรียบร้อยต่อมนุษย์มาก มันจะทำให้เจ้าของรู้สึกอารมณ์ดีแบบที่มันเป็นอยู่ ซึ่งแฮมสเตอร์มักจะมีนิสัยไม่ชอบอยู่กับอีกตัวหนึ่ง เพราะหากอยู่ด้วยกัน มันก็จะต่อสู้กันทันที ซึ่งหากจะให้อยู่ด้วยกัน ก็ต้องเป็นต่างเพศเท่านั้น


 6.เฟอเรท

เฟอเรทถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก น่าชังมากๆตัวหนึ่ง มันจะชอบมีนิสัยสำรวจตามบ้านตามเรือนต่างๆไปทั่ว มันเป็นมิตรที่ดีต่อครอบครัวทุกๆคน และก็ไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้ามากเท่าไร ซึ่งหากใครเลี้ยง จะต้องมีเวลาดูแลมากพอ
 

5.หนูประเภทสัตว์เลี้ยง

หนูประเภทนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง ซึ่งมันมีนิสัยเข้าสังคมกับสัตว์อื่นๆได้ง่าย โดยการเลี้ยง จะให้ดีควรที่จะมี 2 ตัวและก็เป็นต่างเพศ เพื่อที่จะทำให้ดูแลง่ายขึ้น มันเองก็ชอบมีนิสัยวิ่งรอบบ้านไปทั่ว ก็ต้องดูแลให้ดีๆหน่อยก็แล้วกัน


 4.กระต่าย

กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่นิยมเลี้ยงกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี มีนิสัยเรียบง่ายและก็ขี้กลัวตกใจอยู่เสมอ ซึ่งเราก็ต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด


3.แมว

แน่นอนว่าแมวเป็นสัตว์ที่ชอบอิสระและสันโดษ แต่มันก็มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของที่เลี้ยงมันมา แมวจะมีนิสัยให้ผู้คนเข้ามากอดหรืออุ้มมัน ซึ่งเป็นการแสดงความรักของมันออกมา ทั้งยังเป็นสัตว์ดูแลบ้านเป็นอย่างดีในฐานะเป็นนักล่าสัตว์เล็กๆน้อยๆที่วิ่งป้วนเปี้ยนตามบ้าน


 2.สุนัข

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสุนัขเป็นสัตว์ที่ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์เลยก็ว่าได้ ซึ่งสุนัขจะมีนิสัยใกล้ชิดกับเจ้าของคนเลี้ยงเป็นอย่างมาก และก็คอยทำหน้าที่ปกป้องเจ้าของจนสุดชีวิต ไม่ว่าเราจะอดอยากปากแห้งยังไง มันก็ยังเดินอยู่เคียงข้างเราเสมอ ซึ่งเป็นสัตว์ที่ทำให้เราอารมณ์ดีและให้กำลังใจเราไปพร้อมๆกัน


1.นกแก้ว

นกแก้วถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความฉลาดหลักแหลมมาก และก็เป็นสัตว์เลี้ยงระดับคุณภาพ ซึ่งนกแก้วจะมีนิสัยขี้เล่น ขี้อ้อนเป็นอย่างมาก และยังมีความสามารถในการเลียนเสียงพวกเราและก็สัตว์อื่นๆได้อีกด้วย ทำให้เราอารมณ์ดีหัวเราะไปตามๆกัน ที่สำคัญมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีอายุยืนมากกว่ามนุษย์โดยเฉลี่ยซะอีก จึงไม่ต้องห่วงเลยว่ามันจะตายจากโลกนี้ไปง่ายๆ

สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุดในโลก 10อันดับ

10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
โดยอันดับที่ 1  เป็น จระเข้ยักษ์ ที่พบในหมู่บ้านบูนาวัน ในประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยความยาว 21 ฟุต และน้ำหนักกว่า 2370 ปอนด์ (ประมาณ 1 ตัน) ซึ่งมีคนสังเวยชีวิตให้เจ้าจระเข้ยักษ์ตัวนี้หลายคน จนกระทั่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ช่วยกันใช้เครนนำร่างของมันขึ้นมาไว้บนรถบรรทุก



10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
อันดับที่ 2 ปลาหมึกยักษ์ ไม่ค่อยถูกพบขณะยังมีชีวิต แต่ปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า มันจะเติบโตและมีความยาวได้ถึง 45 ฟุต และหนักเกือบ 1 ตัน ซึ่งถูกถ่ายภาพไว้ได้ในปี 2004 ที่ใต้ทะเลลึก 3,000 ฟุต


10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
อันดับที่ 3 ได้แก่ Goliath Birdeater Tarantula แมงมุมยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวประมาณ 1 ฟุต หนักประมาณ 6 ออนซ์ (170 กรัม) มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่อเมริกาใต้ โดย สมญานาม Goliath Birdeater Tarantula มาจาก แมงมุม
ชนิดนี้ชอบกินนกฮัมมิ่งเบิร์ด


10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
อันดับ 4 คือ แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส (Portuguese Man-of-War)  เป็นแมงกระพรุนที่มีลักษณ์คล้ายปลาหมึกที่มีพิษร้ายแรงมาก พบในทะเลเปิดของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทะเลเมดิเตอเรเนียน, มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย


10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
อันดับ 5 ได้แก่ แมงป่องจักรพรรดิ ถูกพบอยู่ทางตะวันตกของแอฟริกา เป็นแมงป่องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวถึง 8 นิ้ว แม้ว่าหล็กในจะทำให้มันดูดุร้าย แต่ความจริงแล้วในเป็นสัตว์ที่เชื่องและสามารถนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงได้


10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
อันดับ 6 คือ ค้างคาวดูดเลือด มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ชอบดูดเลือดสัตว์ชนิดอื่นเป็นอาหาร


10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
อันดับ 7 ได้แก่ ปลาพญานาค (ปลายักษ์) เป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดถึง 56 ฟุต อาศัยอยู่ในน้ำลึกกว่า 3,000 ฟุต เคยพบตัวใหญ่ที่สุด มีความยาวถึง 200 ฟุต แต่เมื่อมันใกล้จะตายมักลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ จนบางครั้งถูกเข้าใจผิดว่าเป็นงู


10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
อันดับ 8 คือ แมงกระพรุนกล่อง(ตัวต่อทะเล) อาศัยอยู่ในน้ำตามแนวชายฝั่งของออสเตรเลียตอนเหนือและทั่วอินโดแปซิฟิก มีสีฟ้าอ่อน โปร่งใสเป็นแมงกระพรุนที่มีพิษร้ายแรงมาก เมื่อถูกต่อยพิษของมันจะตรงเข้าสู่หัวใจและระบบประสาท


10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
อันดับที่ 9 ได้แก่ งูเหลือมพม่า เป็นงูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โตเต็มที่ได้ถึง 25 ฟุต และหนักถึง 200 ปอนด์ แต่ไม่มีพิษร้ายแรง ล่าเหยื่อโดยการบีบรัดเหยื่อ มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


10 อันดับ สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุด
และอันดับที่ 10 ได้แก่ The Loch Ness Monster สัตว์ประหลาดล็อกเนสส์ มีลำคอยาว ลำตัวสีดำ อาศัยอยู่ในน้ำลึก ทางตอนเหนือของสก็อตแลนด์ เชื่อว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์

สัตว์เลี้ยงยอดฮิต


 สายพันธุ์สุนัขในโลกนี้มีมากมายทั้งสุนัขพันธุ์พื้นเมือง สุนัขนำเข้าจากต่างประเทศ และสุนัขที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ ซึ่งหากตอนนี้คุณกำลังมองหาสุนัขสักตัวมาเลี้ยง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกสุนัขสายพันธุ์ใด หรืออยากรู้ว่า เพื่อนซี้แสนซื่อที่อยู่ข้างกายของคุณในตอนนี้จะเป็นสายพันธุ์สุนัขที่ฮิตในหมู่คนเลี้ยงสุนัขกันบ้างหรือเปล่า ก็ไปติดตาม 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทยกันเลยดีกว่า


 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 1. ชิวาวา (Chihuahua)


           สุนัขตาโปนที่ถูกเรียกชื่อตามรัฐชิวาวา ซึ่งเป็นชื่อของรัฐแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของเม็กซิโก นอกจากจะเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่สุดในโลกแล้ว ด้วยลำตัวขนาดเล็กกะทัดรัด สะดวกแก่การพกพา บวกกับนิสัยขี้เล่น ขี้อ้อน จึงส่งผลให้ผู้คนส่วนใหญ่นิยมนำชิวาวามาเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น ดังที่เห็นได้จากการที่ชิวาวามักจะปรากฏตัวพร้อมกับเหล่าเซเลบริตี้คนดังอยู่บ่อย ๆ นั่นเอง

           
 ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของชิวาวา

           รูปร่างลักษณะของชิวาวาที่ดีและสมบูรณ์แบบนั้น จะต้องมีหัวหรือกะโหลกศีรษะกลม หน้าสั้น ส่วนเรื่องลำตัวจะยาวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละตัว ทั้งนี้ พวกมันจะมีความยาวของขาที่ได้สัดส่วนพอดี เมื่อมองจากลำตัวที่ตัดจากลำคอไปถึงหาง ดูแล้วจะเห็นเป็นทรงสี่เหลี่ยม ส่วนท่าทางการเดินจะเตะขาเหมือนม้า

           อุปนิสัยของชิวาวาที่นอกเหนือจากหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดูแล้ว ยังค่อนข้างติดเจ้าของ ชอบประจบประแจง แถมบางตัวก็แอบหยิ่งนิด ๆ ถ้าไม่ใช่เจ้าของตัวเองจะไม่ค่อยให้แตะเนื้อต้องตัว และค่อนข้างปากเปราะ เห่าเสียงดังเหมือนสุนัขพันธุ์เล็กทั่วไป

           
 การเลี้ยงดูชิวาวา

           เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้แต่ชิวาวามีอายุเฉลี่ย 13-15 ปี เลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะร่างกายของชิวาวาแข็งแรงมาก และไม่ค่อยพบปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสุนัขพันธุ์อื่น ๆ แต่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงแรกคลอด ทั้งนี้เจ้าของควรดูแลลูกชิวาวาโดยให้กินนมแม่ไปก่อน หลังช่วง 1 เดือนครึ่ง ค่อยเปลี่ยนมาเป็นอาหารเม็ดที่แช่ทิ้งไว้ในน้ำหรือนมแพะเพื่อให้นิ่ม หากไม่สะดวกอาจจะเปลี่ยนมาเป็นอาหารเหลวสำหรับลูกสุนัข เพื่อฝึกให้สุนัขเลียหรือกินอาหารได้เอง

        อ่านบทความชิวาวา ได้ที่นี่ 


 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

  10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย


 2. ปอมเมอเรเนียน (Pomerania)
           ก่อนที่เจ้าปอมเมอเรเนียนจะกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็กแสนซนในบ้านเรา เจ้าปอมเมอเรเนียนเคยเป็นสุนัขที่ถูกเลี้ยงเอาไว้เพื่อใช้งาน ว่ากันว่าต้นตระกูลของพวกมันเป็นสุนัขลากเลื่อนของประเทศไอซ์แลนด์และโปแลนด์ ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป แต่ในเวลาต่อมาก็ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ปอมเมอเรเนียนอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปอมเมอเรเนียนมีขนาดตัวเล็ก ตาแป๋ว ตัวกลม ขนฟูอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

          
 ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของปอมเมอเรเนียน

          ปอมเมอเรเนียน เป็นสุนัขที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1.7-2.5 กิโลกรัม ถ้าน้ำหนักน้อยหรือมากกว่านี้ จะถือว่าไม่ได้มาตรฐานสายพันธุ์ นอกจากนี้พวกมันยังมีขนชั้นในที่แน่นและนุ่ม ส่วนขนชั้นนอกจะหยาบกว่าชั้นในเล็กน้อย หางสวยงามเป็นพวง และตั้งอยู่ในตำแหน่งสูงขนานไปกับแผ่นหลัง

          โดยลักษณะนิสัยพื้นฐานของปอมเมอเรเนียน เป็นสุนัขที่ตื่นตัวเสมอ มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น อวดดี สง่างาม และขณะก้าวย่างแสดงถึงความมีชีวิตชีวา ถือว่าเป็นพันธุ์ที่สมบูรณ์ทั้งรูปร่างและการเคลื่อนไหว ข้อเสียคือ อาจจะเห่าพร่ำเพรื่อไปสักนิด ทำให้เจ้าของที่ไม่ชินกับธรรมชาติของมัน อาจรู้สึกเครียดได้

          
 การเลี้ยงดูปอมเมอเรเนียน

          ปอมเมอเรเนียนต้องได้รับการแปรงขนทุกวันหรืออาทิตย์ละ 2 ครั้ง เพื่อที่ให้ขนที่หนาและสวยไม่พันกัน อาจต้องเล็มบ้างเป็นครั้งคราว และไม่ควรอาบน้ำให้ปอมเมอเรเนียนบ่อย เพราะจะทำให้ผิวหนังกับขนแห้งจนเกินไป นอกจากการดูแลขนแล้ว สิ่งที่สำคัญที่มากที่สุดสำหรับสุนัขปอมเมอเรเนียน คือ การได้รับการดูแลสุขภาพปากและฟันเป็นอย่างดี เนื่องจากปอมเมอเรเนียนง่ายต่อการสูญเสียฟันอันเนื่องมาจากปัญหาฟันผุ หรือสุขภาพเหงือกไม่ดี จึงต้องหมั่นทำความสะอาดฟันให้เป็นประจำ และควรให้อาหารชนิดแห้งเพื่อลดปัญหาในช่องปาก

       อ่านบทความปอมเมอเรเนียน ได้ที่นี่ 


 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 3. ชิสุ (Shih Tzu)

           ที่มาของชิสุก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน เพราะเป็นถึง 1 ใน 3 สุนัขชั้นสูงจากจักรพรรดิจีน โดยมีการคาดการณ์กันว่า ชิสุ มีต้นกำเนิดจากทิเบต เนื่องจากตามประวัติศาสตร์ของชาวทิเบตถือว่า สิงโต เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางศาสนา พระชาวทิเบต (Lama) จึงได้ผสมสุนัขพันธุ์เล็กขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิงโต ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ขนแผงคอของ ชิสุ คล้ายกับแผงคอของสิงโต รวมไปถึงท่าทางการเดินหรือการเคลื่อนไหวที่สง่างาม อีกทั้งความหมายของคำว่า ชิสุ ยังแปลว่า สิงโต อีกด้วย

            ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของชิสุ

           ชิสุ เป็นสุนัขขนาดเล็กในกลุ่มทอย (Toy Group) มีน้ำหนักประมาณ 4.5-7.5 กิโลกรัม ส่วนสูงประมาณ 25-27 เซนติเมตร ลักษณะของศีรษะต้องกลมโต สีกลางหน้าผากขาวเด่น ปากสั้น ความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย กล้ามเนื้อบึกบึน กระชับ และเดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผยทั้งนี้ ชิสุ เป็นสุนัขที่มีนิสัย กล้าหาญ ตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว อีกทั้งยังเป็นสุนัขที่รักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี ชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ กับเจ้าของ หากมีเวลาเจ้าของควรพามันไปวิ่งเล่นหรือออกกำลังกายบ้าง

           
 การเลี้ยงดูชิสุ

           ชิสุมีอายุค่อนข้างยืนยาว คือประมาณ 10-18 ปี ตามแต่ปัจจัยต่าง ๆ เช่น อาหาร และการเลี้ยงดู โรคที่มักเกิดขึ้นกับชิสุ คือ โรคตาแห้ง โรคหูน้ำหนวกหรือหูอักเสบ ดังนั้นเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาและหูอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ส่วนโรคอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับชิสุ ได้แก่ โรคนิ่ว โรคไต และไส้เลื่อน นอกจากนี้ดูแลขนด้วยการแปรงขนเป็นประจำทุกวัน พร้อมกับการนวดให้ต่อมน้ำมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขนได้มากขึ้น จะทำให้ผิวหนังและขนของมันมีสุขภาพสมบูรณ์ และช่วยขจัดรังแคกับสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนัง

       อ่านบทความชิสุ ได้ที่นี่ 


 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 4. ยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์ (Yorkshire Terrier)

          สุนัขที่เคยถูกเลี้ยงเอาไว้ใช้งาน ในการตามล่าและไล่จับหนูเหมือนกับแมวจากทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ มาตอนนี้ภาพเหล่านั้นกลับไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เพราะยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์ หรือยอร์คกี้ ได้โด่งดังไปทั่วโลก ในฐานะสุนัขกลุ่มทอยที่เฉลียวฉลาด ขนสวย น่ารัก ที่คนทั่วโลกได้นำมาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนข้างกายนั่นเอง

           ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์

          สุนัขยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย จัดอยู่ในกลุ่มทอย ด็อก (Toy Dog) น้ำหนักเฉลี่ยของพวกเขาจะอยู่ที่ 1-5.4 กิโลกรัม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของที่ชอบแต่งตัวให้กับสุนัข เพราะตลอดทั้งลำตัวของมันจะถูกปกคลุมด้วยขนยาว ที่มีลักษณะเรียบลื่น สลวยสวยงาม ทั้งนี้ สีขนของยอร์คกี้จะมีสีน้ำตาลและดำในช่วงแรกเกิด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีเงินออกน้ำเงินและสีทองเมื่อเริ่มโตขึ้น

          ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่เหมาะสมกับคนทุกช่วงอายุ และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีสำหรับคนโสดหรือผู้ไม่มีบุตร หากบ้านใดมีเด็กเล็กอยู่ในครอบครัว ควรสอนเด็กให้รู้จักวิธีปฏิบัติตัวและวิธีเล่นกับยอร์คเชียร์ เพราะหากเด็กเล่นกับมันแรง ๆ ก็อาจทำให้มันบาดเจ็บได้ง่ายหรือบางทีอาจอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย ตัวเล็กและบอบบาง และการที่พวกมันถูกเด็กแกล้งเป็นประจำ ก็อาจทำให้พวกมันมีนิสัยเปลี่ยนเป็นก้าวร้าว โมโหง่าย หรืออาจถึงขั้นกัดคน แต่หากพ่อแม่รู้จักสอนลูก ๆ ให้ปฏิบัติตัวต่อยอร์คเชียร์อย่างดีแล้วล่ะก็ พวกมันจะเป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัวที่ดีได้เช่นกัน

          
 การเลี้ยงดูยอร์กเชียร์ เทอร์เรียร์

          การหมั่นแปรงขนให้ยอร์คกี้เป็นประจำทุกวัน ถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสุนัขพันธุ์นี้ ส่วนการอาบน้ำอาจทำแค่ 1 ครั้งต่อเดือนก็เพียงพอ ก่อนอาบน้ำควรใช้สำลีอุดหูให้เรียบร้อยและล้างแชมพูให้สะอาด โดยทำความสะอาดศีรษะกับใบหน้าเป็นส่วนสุดท้าย ก่อนจะเป่าขนให้แห้งด้วยความร้อนที่พอเหมาะ ส่วนเรื่องอาหารการกินของสุนัขยอร์คกี้ ควรเป็นอาหารเม็ดจะดีที่สุด เพราะมีความสะดวกในการเก็บรักษา และมีสัดส่วนสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ อาจผสมอาหารเปียกลงไปในอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มความน่ากินเป็นบางครั้ง

 5. บีเกิล (Beagle)

          สายพันธุ์สุนัขที่มีมานานกว่า 2,000 ปี โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอังกฤษ จุดประสงค์เดิมถูกพัฒนาสายพันธุ์เพื่อใช้ในการกีฬาล่าสัตว์ และเนื่องจากบีเกิลเป็นสุนัขที่มีประสาทในการดมกลิ่นเป็นเลิศ จึงถูกนำมาฝึกให้เป็นสุนัขตำรวจ คอยตรวจสอบสิ่งของผิดกฎหมาย อย่างเช่น ยาเสพติด วัตถุระเบิด และอื่น ๆ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นที่นิยมให้หมู่คนเลี้ยงสุนัขไปพร้อม ๆ กันด้วย

           ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของบีเกิล

          จัดอยู่ในสุนัขกลุ่มฮาวน์ (Hound) หรือสุนัขล่าเนื้อ ส่วนสูงอยู่ที่ 33-38 นิ้ว และมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 8-13 กิโลกรัม ลักษณะรูปร่างของบีเกิลมีขนาดลำตัวยาวกว่าความสูงเล็กน้อย หูปรก สีขนมีทั้งสีขาว ดำ และแทน โดยสีที่ผสมกันทุกสีจะเป็นที่ยอมรับมากที่สุด

          อุปนิสัยส่วนตัวของเจ้าบีเกิลก็น่ารักทีเดียว นอกจากจะสุภาพ กระฉับกระเฉง ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แล้ว ยังสามารถเข้ากับเด็กและสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม แถมมีพลังเล่นล้นเหลือไว้เป็นเพื่อนเล่นให้เจ้าของได้คลายเหงาอีกด้วย แต่บีเกิลมีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่ค่อนข้างเชื่อคนง่าย ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับตำแหน่งสุนัขเฝ้าบ้านเท่าไหร่นัก

          
 การเลี้ยงดูบีเกิล

          สุนัขพันธุ์นี้ต้องอยู่ในบริเวณที่มีรั้วรอบขอบชิด เนื่องจากเป็นสุนัขที่ไม่มีสัญชาตญาณในการระวังภัยบนท้องถนนมากนัก และมักมีความเข้าใจอย่างผิด ๆ ว่า รถทุกคันจะหยุดรอให้พวกมันไปก่อนเสมอ นอกจากนี้จุดประสงค์ดั้งเดิมที่พวกมันถูกพัฒนาขึ้นมา ก็เพื่อเป็นสุนัขสำหรับล่าสัตว์ ทำให้พวกมันมีพลังงานในตัวมาก และชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเจ้าของควรพาไปออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

          หากต้องการให้บีเกิลมีสุขภาพแข็งแรง เติบโตสมวัย ก็ต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มาก โดยการเลือกประเภทอาหารให้เหมาะสมกับวัย พร้อมทั้งหมั่นแปรงขนทุก ๆ 3-4 วัน เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไป เท่านี้ขนของมันก็จะสลวยเงางามอย่างที่ต้องการแล้ว


 6. ปั๊ก (Pug)

           สุนัขอีกสายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศจีนเมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งสมัยนั้นนิยมเลี้ยงไว้ในวัดจีน ก่อนจะถูกนำไปเลี้ยงยังสถานที่ต่าง ๆ จนได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากหน้าตากวน ๆ บวกกับรูปร่างอ้วนกลม และความร่าเริง ขี้เล่นของเจ้าปั๊ก จึงทำให้ถูกใจคนรักสุนัขเป็นอย่างมาก

            ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของปั๊ก

           ปั๊ก เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีขนาดร่างกายเล็กปานกลางเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัวตันมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ส่วนใบหน้านั้นสั้นและย่น ตาโปนแลดูใจดี ใบหูพับตกลงด้านข้าง บนลำตัวปกคลุมด้วยขนสั้นเกรียนแต่นุ่มคล้ายกำมะหยี่ หางมีลักษณะบิดเป็นเกลียวชี้ขึ้นหรือม้วนจนเป็นวงติดกับบั้นเอว ถ้าหากหางม้วนได้ถึงสองตลบจัดว่าเป็นลักษณะที่สวยสมบูรณ์ที่สุด แต่พวกมันจะหายใจและกรนเสียงดัง

          สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีนิสัยน่ารัก ถึงหน้าตาของมันจะยับย่นเหมือนกำลังคิดมากไปสักหน่อย แต่ถ้าได้ลองเลี้ยงแล้วจะหลงใหลความอ่อนโยนของมันโดยไม่รู้ตัว ข้อควรระวังในการเลี้ยง คือ ปั๊ก ทนสภาพอากาศที่ร้อนมากไม่ค่อยได้ อาจถึงขั้นเป็นลมแดดเลยทีเดียว แต่ถ้าอยู่ในอากาศเย็น ก็ควรให้อยู่ในที่อุ่น ๆ หรือหาเสื้อมาสวมใส่เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด

          
 การเลี้ยงดูปั๊ก

          ถึงแม้จะเป็นสุนัขขนสั้นที่ไม่ต้องตกแต่งหรือเสริมสวยมากนัก แต่ก็ต้องดูแลรักษาความสะอาด พร้อมกับพาพวกมันไปเดินเล่นหรือออกกำลังกายอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้กลายเป็นโรคอ้วนหรือเฉื่อยชามากจนเกินไป และเนื่องจากหน้าตาที่บูดบึ้งจึงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ดวงตาได้ง่าย หากปั๊กเริ่มขยี้ตาบ่อย กะพริบตาถี่ ตาเปลี่ยนสี หรือมีน้ำตามากเกินไป ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที นอกจากนี้ พวกมันยังมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจอยู่เสมอ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงด้วย


 7. บูลด็อก (Bulldog)

          สุนัขนักสู้ที่มีมานานกว่า 700 ปี แถมยังขึ้นชื่อในเรื่องความดุร้ายมากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนที่หลงรักเจ้าสุนัขหน้าบึ้งแบบนี้อยู่ไม่น้อย ว่ากันว่าพวกมันมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยสมัยก่อนพวกมันถูกเลี้ยงเอาไว้เพื่อใช้ต่อสู้กับวัว ซึ่งเป็นเกมกีฬายอดนิยมของคนอังกฤษในสมัยนั้น แต่หลังจากเกมกีฬาชนิดนี้หมดความนิยมลง กลุ่มคนรักบูลด็อกจึงหันมาเลี้ยงพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยง จนกระทั่งกลายมาเป็นสุนัขยอดนิยมของคนทั่วโลกในปัจจุบัน

           ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของบูลด็อก

          สุนัขสายพันธุ์บูลด็อก นอกจากจะมีรูปร่างบึกบึน ตัวหนา กล้ามเนื้อแข็งแรง พวกมันยังมีช่วงไหล่กว้างกว่าสะโพก ศีรษะใหญ่กว้าง หน้าสั้น บริเวณหน้าผากมีรอยย่นลึก และหางสั้นขดแน่นกับส่วนหลัง ส่วนอุปนิสัยและพฤติกรรมจัดว่าเป็นสุนัขที่มีความอดทนสูง และมีภาวะทางอารมณ์มั่นคงเสมอต้นเสมอปลายมากทีเดียว นอกจากนี้ภายใต้ใบหน้าอันเคร่งขรึมยังเต็มไปด้วยความตั้งใจแน่วแน่ กล้าหาญ และเด็ดเดี่ยวมากเลยทีเดียว

            การเลี้ยงดูบูลด็อก

           อาหารที่ให้บูลด็อกควรเป็นอาหารเม็ดสลับกับเนื้อสัตว์ปรุงสุกบ้าง แต่ไม่ควรปรุงแต่งด้วยรสเค็ม เพราะการให้อาหารเค็มหรือให้อาหารเม็ดตลอดเวลา จะส่งผลในระยะยาว เช่น ขนร่วง หรือมีอาการคัน เป็นต้น นอกจากนี้ควรให้อาหารเสริมแคลเซียมบ้างเป็นครั้งคราว ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ ส่วนการทำความสะอาดแค่อาบน้ำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว และเนื่องจากเป็นสุนัขที่แพ้ง่าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงบริเวณมีแมลง เช่น ยุง มด และสัตว์มีพิษ  


 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย
 
 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 8. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)

           ความเป็นมาของไซบีเรียน ฮัสกี้ ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน เพราะเดิมเป็นสุนัขของชนเผ่าพื้นเมืองชัคชิ ในตอนนั้นพวกเขาพยายามพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้ได้สุนัขที่สามารถนำมาใช้งานได้ ทั้งการล่าสัตว์ หาอาหาร เฝ้ายาม และลากเลื่อนบนหิมะ ซึ่งความเก่งกาจของสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้ เลื่องลือไปไกล จนได้ชื่อว่าเป็นสุนัขอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมสูง

           
 ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของไซบีเรียน ฮัสกี้

           ไซบีเรียน ฮัสกี้ มีอายุประมาณ 12-16 ปี ลำตัวปกคลุมด้วยขนหนากว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น สีขนส่วนใหญ่บริเวณเท้า ขา ท้อง รอบดวงตาจะเป็นสีขาว ดวงตามีสีฟ้า น้ำตาลเข้ม เขียว และน้ำตาลอ่อน บางตัวอาจมี 2 สีรวมกัน ความสูงเฉลี่ยอยู่ 50-60 เซนติเมตร น้ำหนักราว 15-28 กิโลกรัม

           สุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้ มีอุปนิสัยเป็นมิตร ขี้เล่น และเข้ากับคนได้ง่ายจึงทำให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่แล้วไซบีเรียนเพศผู้มักต้องการความสนใจ และชอบอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าของมากกว่าเพศเมียแต่ถึงแม้จะเป็นสุนัขใจดี ก็ไม่ควรปล่อยให้เล่นกับเด็กตามลำพัง เนื่องจากทั้งสุนัขและเด็กมักไม่รู้จักออมแรงในการเล่น จนอาจพลาดพลั้ง ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

           
 การเลี้ยงดูไซบีเรียน ฮัสกี้

           การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญมากของ ไซบีเรียน ฮัสกี้ เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีอุปนิสัยกระตือรือร้น และชอบสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งการทำให้ไซบีเรียน ฮัสกี้ มีความสุข ยังช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการกินอาหารยากอีกด้วย และถึงแม้จะเป็นสุนัขที่มีขนหนาก็ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดบ่อย แต่หลังการอาบน้ำควรเป่าขนให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันโรคผิวหนัง


 9. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

          นาทีไม่มีใครที่ไม่รู้จักโกลเด้น รีทรีฟเวอร์อย่างแน่นอน เพราะเรามักจะเห็นสุนัขสายพันธุ์นี้โลดแล่นอยู่ในโฆษณาหรือภาพยนตร์บ่อย ๆ โดยสุนัขใจดีตัวนี้มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษและสกอตแลนด์ เริ่มแรกเดิมทีถูกเลี้ยงเอาไว้เพื่อใช้เป็นสุนัขล่าสัตว์ของนายพราน ก่อนที่จะกลายเป็นสุนัขตำรวจและสุนัขบ้านในเวลาต่อมา

          
 ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์

          โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขในกลุ่มกีฬา (Sporting Group) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้งานในกีฬาล่าสัตว์ขนาดกลาง มีอายุเฉลี่ย 12–14 ปี ส่วนสูงราว ๆ 51-60 เซนติเมตร หนักประมาณ 22-26 กิโลกรัม มีสีหลายระดับสี มักจะเป็นสีออกครีมถึงสีเหลืองทองจนถึงกึ่งเข้มแดงมะฮอกกานี ขนแน่นหยักเป็นลอนเล็กน้อย โครงสร้างลำตัวสั้นกระชับได้สัดส่วน

           นอกจากนี้ยังเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า อุปนิสัยของ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ น่ารักสุด ๆ ไปเลย เพราะนอกจากจะมีเสน่ห์ ขี้เล่น ช่างประจบเอาใจเสียสละ และรักเจ้าของ พวกมันยังเป็นสุนัขที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบอยู่กับคน แถมยังฝึกฝนง่ายอีกด้วย แต่สิ่งที่ควรระวังอย่างหนึ่ง คือ เจ้าของไม่ควรปล่อยให้สุนัขมีอิสระมากจนเกินไป และควรทำรั้วล้อมรอบบริเวณบ้านให้ดี มิเช่นนั้นอาจต้องตามหากันจนเหนื่อย เนื่องจากโกลเด้น รีทรีฟเวอร์  เป็นสุนัขที่ชอบเที่ยวและชอบผจญภัยนั่นเอง

          
 การเลี้ยงดูโกลเด้น รีทรีฟเวอร์

          เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีขนร่วงมาก จำเป็นจะต้องแปรงและหวีขนให้มันสัปดาห์ละหลาย ๆ ครั้ง นอกจากนี้พวกมันจะมีความสุขมาก หากเจ้าของพาไปวิ่งเล่นในสนามโล่ง ๆ หรือพาไปว่ายน้ำบ้าง ส่วนเรื่องอาหารที่ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ขนาดโตเต็มวัยต้องการ ควรเป็นอาหารชั้นดี โดยให้เพียงวันละ 1 ครั้ง ในปริมาณที่เพียงพอ แต่ในระหว่างวันอาจให้บิสกิตเสริมได้วันละ 2 ครั้ง

        อ่านบทความโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ได้ที่นี่ 


  10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย

 10 อันดับ สุนัขยอดฮิตของคนไทย
 10. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

          สุนัขจากคาบสมุทร ลาบราดอร์ ประเทศแคนาดา เดิมทีชาวประมงจะเลี้ยงไว้ใช้เก็บเหยื่อ จำพวกปลาที่หลุดออกจากเบ็ดหรือแห หรือคาบเป็ดป่าที่โดนยิงตกลงไปบนน้ำ ก่อนที่จะนำเข้ามายังประเทศอังกฤษและถูกพัฒนาสายพันธุ์ในภายหลัง พร้อมกับนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการล่าสัตว์ อาทิ ใช้ในการค้นหายาเสพติด วัตถุระเบิด และช่วยเหลือคนตาบอด เป็นต้น

          
 ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์

          ลาบราดอร์ จะมีขนสองชั้น ชั้นนอกสั้น เหยียดตรง และแน่น ขนชั้นในนุ่มและช่วยปกป้องจากสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายได้ดี สีขนเป็นสีดำ สีเหลือง หรือสีช็อกโกแลต บางครั้งอาจมีจุดขาวบริเวณหน้าอก หางของ ลาบราดอร์ ดูคล้ายหางของตัวนาก โคนหางจะหนาและเรียวลงจนถึงปลายหาง

          ลาบราดอร์ เป็นสุนัขที่มีเสน่ห์และน่าเลี้ยงที่สุดพันธุ์หนึ่ง เนื่องจากฝึกง่าย พวกมันมักตื่นตัว กระฉับกระเฉง ช่างประจบ และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี เป็นมิตรกับคน รวมทั้งสัตว์อื่น ๆ นอกจากจุดเด่นเรื่องความฉลาดแล้ว ลาบราดอร์ยังมีจมูกไวเป็นเลิศ พวกมันจึงถูกฝึกใช้ในงานข้าราชการ ดังภาพที่เราเห็นเป็นสุนัขตำรวจหรือสุนัขกู้ภัย เป็นต้น

           การเลี้ยงดูลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์


          เจ้าของควรแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง พร้อมกับนำลาบราดอร์ไปวิ่งเล่นอย่างน้อยวันละ 30 นาที และหากมีเวลาก็ควรให้ได้ลงไปว่ายน้ำเก็บของบ้างเป็นครั้งคราว นอกจากนี้อย่าลืมพาพวกมันไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เนื่องจากลาบราดอร์จะมีปัญหาเรื่องโรคกระดูกข้อสะโพกหลุดหรือโรคกระดูกอ่อน เป็นโรคประจำตัวของสุนัขพันธุ์นี้